PRP คืออะไร? เปิด 5 ข้อควรรู้ก่อนฉีดเกล็ดเลือด ฟื้นฟูผิวหน้าให้เด็กเด้งอย่างเป็นธรรมชาติ
- Nabi
- 22 ก.พ.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 8 มี.ค.

ในยุคนี้ที่เทรนด์ผิวสวยใสแบบธรรมชาติกำลังมาแรง หลายคนมองหาวิธีฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ดูอ่อนเยาว์จากภายใน โดยหลีกเลี่ยงสารเคมีแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย “การฉีด PRP” หรือที่รู้จักกันในชื่อการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น จึงกลายเป็นหัตถการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
PRP เป็นวิธีที่ปลอดภัยสูง เพราะใช้เลือดของตัวเองมาสกัดเพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิว ช่วยลดริ้วรอย หลุมสิว และฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมาดูเปล่งปลั่งสุขภาพดี หลายคนอาจเคยได้ยินมาบ้าง แต่ยังมีข้อสงสัยว่าการฉีด PRP คืออะไร? อันตรายไหม? ต้องทำกี่ครั้งจึงเห็นผล? วันนี้ Pure Clinic ได้รวบรวม 5 ข้อควรรู้ก่อนฉีด PRP มาแนะนำ เพื่อช่วยให้ทุกคนเตรียมตัวได้อย่างมั่นใจและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
1. PRP คืออะไร?
PRP ย่อมาจาก Platelet Rich Plasma หรือ พลาสมาเกล็ดเลือดเข้มข้น ซึ่งได้จากการนำเลือดของผู้รับบริการมาปั่นแยกด้วยเครื่องมือเฉพาะ เพื่อสกัดเกล็ดเลือดและพลาสมาที่มีความเข้มข้นสูง จากนั้นนำมาฉีดกลับเข้าสู่ผิวหนังบริเวณที่ต้องการฟื้นฟู
ในเกล็ดเลือดจะมีสารสำคัญที่เรียกว่า Growth Factor ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เสริมการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิว จึงช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรงขึ้น ผิวหน้าจึงดูอิ่มฟู เปล่งปลั่ง และลดเลือนริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ
นอกจากช่วยเรื่องผิวหน้าแล้ว PRP ยังสามารถใช้ในการรักษาอาการบาดเจ็บของข้อต่อ เส้นเอ็น รวมถึงช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมได้อีกด้วย

2. ฉีด PRP ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?
ผลลัพธ์ของการฉีด PRP จะไม่เห็นผลทันทีเหมือนการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ เนื่องจากเป็นการฟื้นฟูผิวจากภายใน กระตุ้นให้เซลล์ผิวค่อย ๆ ซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ จึงต้องใช้เวลาในการเห็นผล
โดยทั่วไปแล้ว ผิวจะเริ่มดูเปล่งปลั่งขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์หลังฉีด และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 2-3 เดือน แพทย์แนะนำให้ทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 4-5 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นานยิ่งขึ้น โดยเว้นระยะห่างระหว่างครั้งประมาณ 1-3 สัปดาห์
หลังจากครบคอร์ส ผลลัพธ์ของ PRP จะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองหลังทำด้วย และเพื่อคงผลลัพธ์ให้ยาวนานต่อไปเรื่อยๆ จึงควรฉีดซ้ำทุกๆ 1-2 เดือนค่ะ

3. ข้อดีของการฉีด PRP
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้การฉีด PRP ได้รับความนิยมคือความปลอดภัยสูง เพราะเป็นการใช้เลือดของตัวเอง จึงลดความเสี่ยงต่อการแพ้หรือเกิดอาการระคายเคือง อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูผิวได้จากภายใน
การฉีด PRP เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวที่หมองคล้ำ แห้งกร้าน มีริ้วรอยเล็ก ๆ หลุมสิว หรือรูขุมขนกว้าง โดย PRP จะช่วยเติมเต็มและกระตุ้นให้ผิวฟูขึ้น รูขุมขนเล็กลง ผิวเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์ขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดความหมองคล้ำรอบดวงตา รวมถึงรอยแผลเป็นจากสิวได้ด้วย
อีกข้อดีที่สำคัญคือ หลังทำจะไม่มีสารตกค้างในร่างกาย เพราะ PRP เป็นสารที่มาจากเลือดของเราเอง เมื่อเวลาผ่านไปก็จะสลายไปตามธรรมชาติ

ประโยชน์ของ PRP ในการดูแลผม
กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม: PRP ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผมใหม่ ทำให้เส้นผมแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้น
ลดการหลุดร่วงของเส้นผม: PRP สามารถลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ โดยการฟื้นฟูรากผมให้แข็งแรง
เพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม: การฉีด PRP สามารถช่วยเพิ่มปริมาณและความหนาแน่นของเส้นผม ทำให้เส้นผมดูหนาขึ้น
ปรับปรุงคุณภาพของเส้นผม: PRP ช่วยให้เส้นผมมีความชุ่มชื้นและเงางามมากขึ้น
ผลลัพธ์ที่ยาวนาน: ผลลัพธ์จากการฉีด PRP มักจะคงอยู่ได้นาน ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการรักษาบ่อยครั้ง

4. ใครบ้างที่ไม่ควรฉีด PRP?
แม้ว่าการฉีด PRP จะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ไม่เหมาะกับทุกคน ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงการทำ PRP ได้แก่ ผู้ที่เป็นโรคมะเร็ง โรคเกี่ยวกับระบบเลือด ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง ผู้ที่มีภาวะติดเชื้อ หรือผู้ที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ รวมถึงผู้ที่กำลังทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด
หากมีโรคประจำตัว หรือทานยาประจำอยู่ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำหัตถการเสมอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

5. การเตรียมตัวก่อนและการดูแลหลังฉีด PRP
ก่อนเข้ารับการฉีด PRP ควรดื่มน้ำให้เพียงพอในช่วง 1-2 วันก่อนทำ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้เลือดอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด หลีกเลี่ยงการรับประทานยาแอสไพริน หรือยาในกลุ่มที่ทำให้เลือดแข็งตัวยาก
หลังฉีด ควรงดล้างหน้าหรือแต่งหน้าในช่วง 6-8 ชั่วโมงแรก หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดประมาณ 1 สัปดาห์ รวมถึงงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ในช่วงสัปดาห์แรกเช่นกัน เพราะพฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลต่อกระบวนการฟื้นฟูผิวและลดประสิทธิภาพของ PRP
สิ่งสำคัญคือ การทำ PRP ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ที่ Pure Clinic เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาและแนะนำแผนการดูแลผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ พร้อมใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนปลอดภัยและได้ผลจริง
หากคุณสนใจฟื้นฟูผิวด้วย PRP หรือหัตถการดูแลผิวอื่น ๆ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่ Pure Clinic สาขาบางนา
ติดต่อสอบถามหรือจองคิวได้ที่LINE: @pureskinclinicbkk โทร: 099-956-4799 Facebook: Pure Clinic Bangna
เพราะการดูแลผิวที่ดี เริ่มต้นจากการเลือกสิ่งที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับตัวเอง ให้ Pure Clinic ดูแลคุณนะคะ!
ความคิดเห็น