top of page

Radiesse คืออะไร? ทำไมถึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการฟื้นฟูผิวและปรับรูปหน้า?

  • รูปภาพนักเขียน: Nabi
    Nabi
  • 8 ก.พ.
  • ยาว 2 นาที

อัปเดตเมื่อ 9 ก.พ.



ในยุคที่ความงามและการดูแลผิวพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ฟิลเลอร์ Radiesse ได้กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ปรับรูปหน้า และฟื้นฟูความอ่อนเยาว์แบบเป็นธรรมชาติ หลายคนอาจคุ้นเคยกับฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูโรนิกแอซิด (HA) ซึ่งได้รับความนิยมแพร่หลาย แต่ Radiesse มีคุณสมบัติที่แตกต่างออกไปและให้ผลลัพธ์ที่โดดเด่นกว่าหลายด้าน


บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ Radiesse ฟิลเลอร์ อย่างละเอียด ตั้งแต่ส่วนประกอบ คุณสมบัติ วิธีการทำงาน ไปจนถึงข้อดี-ข้อควรระวัง เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจหากกำลังมองหาทางเลือกในการปรับรูปหน้าและฟื้นฟูผิวแบบยาวนานค่ะ



Radiesse คืออะไร?


Radiesse เป็นฟิลเลอร์ประเภทหนึ่งที่มีส่วนประกอบหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พบได้ตามธรรมชาติในกระดูกของร่างกายมนุษย์ ฟิลเลอร์ตัวนี้จึงมีความปลอดภัยสูง และมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิกแอซิด (HA) ตรงที่ สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวได้


Radiesse ไม่เพียงแต่ช่วยเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มวอลลุ่มให้ใบหน้า แต่ยังช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นจากภายใน เพราะเมื่อสาร CaHA สลายไปตามธรรมชาติ จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวมีความแน่น กระชับ และดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ






คุณสมบัติเด่นของ Radiesse


  1. ให้ผลลัพธ์ยาวนานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป

    • Radiesse สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน ซึ่งนานกว่าฟิลเลอร์ HA ทั่วไปที่มักอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน

    • เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายจะค่อยๆ กำจัดสาร CaHA ออกจากผิวอย่างเป็นธรรมชาติ โดยที่โครงสร้างคอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นจะยังคงอยู่


  2. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว

    • จุดเด่นที่สุดของ Radiesse คือสามารถ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ได้ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นแม้หลังจากที่สารเติมเต็มสลายไปแล้ว


  3. ยกกระชับและปรับโครงหน้าได้ดี

    • เนื้อของ Radiesse มีความหนืดและแข็งกว่าฟิลเลอร์ HA จึงช่วยในการ ยกกระชับผิวและปรับโครงหน้า ได้ดี โดยเฉพาะบริเวณแนวกราม ขากรรไกร และโหนกแก้ม


  4. มีความปลอดภัยสูง

    • สาร CaHA เป็นส่วนประกอบที่มีอยู่แล้วในร่างกายมนุษย์ ทำให้ไม่เกิดอาการแพ้ และสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ


  5. ช่วยลดริ้วรอยและปรับคุณภาพผิว

    • Radiesse ไม่เพียงแต่ช่วยเติมเต็ม แต่ยังสามารถใช้ในเทคนิค Radiesse Microdroplet หรือการฉีดแบบกระจายตัว เพื่อช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน กระชับ และอ่อนเยาว์ขึ้น



Radiesse ต่างจากฟิลเลอร์ HA อย่างไร?

คุณสมบัติ

Radiesse

ฟิลเลอร์ HA

สารประกอบหลัก

CaHA (Calcium Hydroxylapatite)

Hyaluronic Acid (HA)

คุณสมบัติเด่น

กระตุ้นคอลลาเจน

เติมเต็มและให้ความชุ่มชื้น

เนื้อสัมผัส

แน่นและคงรูปกว่า

นุ่มและยืดหยุ่นกว่า

อายุการใช้งาน

12-18 เดือน

6-12 เดือน

การสลายตัว

สลายไปตามธรรมชาติและกระตุ้นคอลลาเจน

สลายโดยเอนไซม์ในร่างกาย

เหมาะกับ

ยกกระชับและปรับโครงหน้า

เติมเต็มและให้ความชุ่มชื้น


Radiesse เหมาะกับใคร?

Radiesse เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ

✅ ปรับรูปหน้าให้ดูคมชัดขึ้น เช่น ยกกระชับแนวกราม และเติมเต็มขมับให้เต็มขึ้น

✅ ลดเลือนริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และข้างมุมปาก

✅ ฟื้นฟูคุณภาพผิวให้แน่นขึ้น ดูกระชับและเรียบเนียน

✅ ต้องการฟิลเลอร์ที่ให้ผลลัพธ์ยาวนาน และช่วยกระตุ้นคอลลาเจน




ตำแหน่งที่นิยมฉีด Radiesse

Radiesse สามารถใช้ฉีดในบริเวณต่างๆ ของใบหน้าและร่างกายที่ต้องการความกระชับและเติมเต็ม เช่น กรอบหน้า ขมับ โหนกแก้ม ร่องแก้ม แนวกราม รวมถึงบริเวณหลังมือและลำคอ ซึ่งช่วยให้ผิวในบริเวณดังกล่าวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น อย่างไรก็ตาม Radiesse ไม่เหมาะกับการฉีดบริเวณใต้ตาและริมฝีปาก เนื่องจากเนื้อฟิลเลอร์มีความหนืดและคงรูปสูง อาจทำให้เกิดก้อนแข็งหรือทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ


📌 กรอบหน้าและแนวกราม (Jawline Contouring) – ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและคมชัดขึ้น

📌 ขมับ – เติมเต็มให้ดูสมส่วน ลดความตอบของใบหน้า

📌 ร่องแก้ม และร่องน้ำหมาก – ลดเลือนริ้วรอย เติมเต็มให้ดูอ่อนเยาว์

📌 หลังมือ – ช่วยให้มือดูเต่งตึง อ่อนเยาว์ขึ้น

📌 ลำคอและเนินอก – ฟื้นฟูสภาพผิวให้เรียบเนียนและแน่นขึ้น



ข้อควรระวังในการฉีด Radiesse


  • Radiesse ไม่เหมาะสำหรับฉีดใต้ตาและริมฝีปาก เนื่องจากเนื้อฟิลเลอร์มีความหนืดและแข็งกว่าฟิลเลอร์ HA อาจทำให้เกิดก้อนแข็งหรือดูไม่เป็นธรรมชาติ ใต้ตาเป็นบริเวณที่ผิวบางและต้องการฟิลเลอร์ที่กระจายตัวได้ดี ส่วนริมฝีปากมีการเคลื่อนไหวสูง จึงควรใช้ฟิลเลอร์ HA ที่ยืดหยุ่นมากกว่า


  • อีกข้อจำกัดสำคัญคือ Radiesse ไม่สามารถฉีดสลายได้ ต่างจากฟิลเลอร์ HA ที่สามารถใช้เอนไซม์ Hyaluronidase สลายได้ หากเกิดข้อผิดพลาดต้องรอให้สลายไปเองตามธรรมชาติ ซึ่งใช้เวลาหลายเดือน หรืออาจต้องแก้ไขด้วยวิธีการอื่นที่ซับซ้อนขึ้น


  • การฉีด Radiesse ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เพราะฟิลเลอร์ชนิดนี้ต้องฉีดในตำแหน่งที่เหมาะสม หากฉีดผิดชั้นผิวอาจเกิดก้อนแข็ง หรือเสี่ยงต่อการอุดตันของเส้นเลือดได้ แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถออกแบบการฉีดให้ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติที่สุด



Radiesse ดีไหม? คุ้มค่าหรือไม่?


  • Radiesse เป็นฟิลเลอร์ที่ให้ผลลัพธ์ ยาวนานกว่าฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิกแอซิด (HA) โดยเฉลี่ยอยู่ได้นาน 12-18 เดือน ในขณะที่ฟิลเลอร์ HA ส่วนใหญ่คงอยู่ได้เพียง 6-12 เดือน นั่นหมายความว่าหากใช้ฟิลเลอร์ HA อาจต้องฉีดซ้ำหลายครั้งเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่ ซึ่งอาจทำให้เสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นในระยะยาว ในทางกลับกัน Radiesse ไม่เพียงแต่อยู่ได้นาน แต่ยังช่วยให้ผิวฟื้นฟูตัวเองได้ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และกระชับขึ้นแม้หลังจากที่สารฟิลเลอร์สลายไปแล้ว


  • นอกเหนือจากการเติมเต็มและยกกระชับแล้ว Radiesse ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ฟิลเลอร์ HA ทั่วไปไม่มี คอลลาเจนเป็นโครงสร้างสำคัญที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนจะลดลง ส่งผลให้เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย Radiesse ช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวดูแน่นขึ้น เรียบเนียนขึ้น และมีสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ จึงไม่ใช่แค่การแก้ไขปัญหาริ้วรอยชั่วคราว แต่เป็นการฟื้นฟูผิวจากภายในอย่างแท้จริง


  • อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ Radiesse เป็นตัวเลือกที่ดีคือ ความปลอดภัยและความเป็นธรรมชาติของผลลัพธ์ สาร Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ใน Radiesse เป็นแร่ธาตุที่พบได้ในร่างกายมนุษย์ จึงไม่ก่อให้เกิดสารตกค้างหรืออาการแพ้รุนแรง เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายจะค่อยๆ สลายสารนี้ออกไปตามธรรมชาติ โดยที่ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงในระยะยาว นอกจากนี้ เนื่องจาก Radiesse มีคุณสมบัติที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เมื่อฟิลเลอร์สลายไปแล้ว ผิวยังคงดูดีขึ้นและกระชับขึ้น ต่างจากฟิลเลอร์ HA ที่เมื่อสลายไปแล้วผิวจะกลับมาอยู่ในสภาพเดิม




Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Radiesse


Radiesse อยู่ได้นานแค่ไหน?

Radiesse สามารถอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน ซึ่งถือว่ายาวนานกว่าฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิกแอซิด (HA) ทั่วไปที่มักอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ระยะเวลาที่ Radiesse คงอยู่ในร่างกายขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ตำแหน่งที่ฉีด การดูแลตัวเองหลังทำ และกระบวนการเผาผลาญของแต่ละบุคคล


Radiesse ช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดำได้หรือไม่?

Radiesse ไม่ได้ช่วยลดฝ้า กระ หรือจุดด่างดำโดยตรง แต่สามารถช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวและลดโอกาสการเกิดเม็ดสีผิดปกติได้ Radiesse ทำงานโดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับสมดุลผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ผิวที่แข็งแรงขึ้นจะสามารถต่อต้านการกระตุ้นเม็ดสีจากแสงแดดและปัจจัยภายในอื่นๆ ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่า ซึ่งช่วยให้รอยดำจากฝ้า กระ ค่อยๆ จางลง อย่างไรก็ตาม หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเร่งด่วน การใช้ Radiesse ควบคู่กับเลเซอร์หรือทรีทเมนต์อื่นๆ ที่ช่วยลดเม็ดสีโดยตรงจะให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น


Radiesse ต่างจากฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิกแอซิด (HA) อย่างไร?

Radiesse และฟิลเลอร์ HA มีความแตกต่างกันทั้งในแง่ของส่วนประกอบ คุณสมบัติ และผลลัพธ์ที่ได้ ฟิลเลอร์ HA มีคุณสมบัติหลักในการเติมเต็มและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ในขณะที่ Radiesse ไม่เพียงแต่ช่วยเติมเต็มแต่ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นในระยะยาว อีกหนึ่งข้อแตกต่างสำคัญคือ ฟิลเลอร์ HA สามารถฉีดสลายได้ด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase แต่ Radiesse ไม่สามารถฉีดสลายได้ ต้องปล่อยให้สลายไปตามธรรมชาติ ดังนั้นการฉีด Radiesse ควรทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด


Radiesse ฉีดแล้วสลายได้หรือไม่?

Radiesse ไม่สามารถฉีดสลายได้เหมือนฟิลเลอร์ HA แต่จะค่อยๆ สลายไปตามธรรมชาติ และถูกแทนที่ด้วยคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้น กระบวนการสลายของ Radiesse ใช้เวลาหลายเดือนขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละบุคคล ดังนั้นจึงควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย


Radiesse มีผลข้างเคียงหรือไม่?

หลังฉีด Radiesse อาจมีอาการบวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยและมักจะหายไปเองภายใน 3-7 วัน ในบางกรณีที่แพทย์ฉีดลึกเกินไปหรือฉีดในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดก้อนแข็งใต้ผิวหนังได้ ดังนั้นการเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีความชำนาญจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง


หลังฉีด Radiesse ควรดูแลตัวเองอย่างไร?

หลังฉีด Radiesse ควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดแรงๆ บริเวณที่ฉีดเป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าสัมผัสความร้อนจัด เช่น การซาวน่า อาบน้ำร้อน หรือการออกกำลังกายหนักๆ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอและใช้ครีมกันแดดที่มี SPF50+ เพื่อช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ซึ่งจะช่วยให้ผลลัพธ์ของ Radiesse คงอยู่ได้นานขึ้น


สามารถใช้ Radiesse ร่วมกับหัตถการอื่นๆ ได้หรือไม่?

Radiesse สามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่นๆ ได้ เช่น โบท็อกซ์สำหรับลดริ้วรอย เลเซอร์ลดเม็ดสี หรือ HIFU เพื่อช่วยยกกระชับเพิ่มเติม การใช้หัตถการหลายประเภทควบคู่กันจะช่วยให้ผลลัพธ์โดยรวมดีขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการฟื้นฟูผิว ลดฝ้า กระ และกระชับใบหน้าไปพร้อมกัน


Radiesse คุ้มค่าหรือไม่?

Radiesse เป็นฟิลเลอร์ที่มีจุดเด่นคือให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าและฟื้นฟูผิวในระยะยาว แม้ว่า Radiesse จะมีราคาสูงกว่าฟิลเลอร์ HA แต่หากพิจารณาอายุการใช้งานและผลลัพธ์ที่ได้ ถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวให้แข็งแรงขึ้น ลดริ้วรอย และทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องฉีดฟิลเลอร์บ่อยๆ

Radiesse เป็นนวัตกรรมที่ให้มากกว่าการเติมเต็มผิวธรรมดา เพราะช่วยฟื้นฟูและปรับโครงสร้างผิวจากภายใน หากคุณต้องการทราบว่า Radiesse เหมาะกับคุณหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการประเมินที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของคุณ





สรุป

Radiesse เป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในการกระตุ้นคอลลาเจนและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป เหมาะสำหรับการยกกระชับ ปรับโครงหน้า และฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงขึ้น การเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีความชำนาญเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ


📌 สนใจฉีด Radiesse ปรับรูปหน้า? ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ Pure Clinic เลยค่ะ✨




Comments


  • Facebook
  • TikTok
  • Instagram
  • Line
ปรึกษาฟรี 099-956-4799 / 063-947-4447 

เพียวคลินิกเวชกรรม ใบอนุญาตที่ 10101001668 © 2025 Pure Clinic Bangna all right reserved

bottom of page