เปรียบเทียบหัตถการ ฟิลเลอร์ใต้ตา PRP และ Skin Booster แบบไหนแก้ปัญหาใต้ตาได้ตรงจุด?
- Nabi
- 10 ก.พ.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 30 มี.ค.

ปัญหาใต้ตาที่ดูหมองคล้ำ ร่องลึก หรือริ้วรอยเล็ก ๆ สามารถทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและแก่กว่าวัยได้ การแก้ปัญหาใต้ตาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับหลาย ๆ คน Pure Clinic ขอนำเสนอ 3 บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฟิลเลอร์ใต้ตา PRP และ Skin Booster ซึ่งแต่ละตัวมีจุดเด่นและเหมาะกับสภาพปัญหาที่แตกต่างกัน มาดูรายละเอียดและเปรียบเทียบเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
1. ฟิลเลอร์ใต้ตา: เติมเต็มร่องลึก แก้ปัญหาทันใจ
ฟิลเลอร์คืออะไร?
ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นสารเติมเต็มที่ใช้ในการเสริมสร้างรูปหน้าและปรับปรุงลักษณะผิว โดยทั่วไปจะมีส่วนประกอบหลักคือกรดไฮยาลูโรนิก ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย ทำหน้าที่ในการเก็บกักความชุ่มชื้นและเติมเต็มเนื้อเยื่อที่สูญเสียไป ฟิลเลอร์ถูกนำมาใช้ในหลายบริเวณของใบหน้า เช่น แก้ม ร่องแก้ม ริมฝีปาก และบริเวณใต้ตา

ฟิลเลอร์ทำงานอย่างไร?
ฟิลเลอร์ทำงานโดยการเติมเต็มช่องว่างหรือร่องลึกในผิวหนัง โดยกรดไฮยาลูโรนิกจะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในผิว ทำให้ผิวดูเต็มและเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวหนัง ซึ่งมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น

ฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องลึกชัดเจนบริเวณใต้ตา ซึ่งมักเกิดจากการสูญเสียไขมันใต้ผิวหรือคอลลาเจนตามอายุ ฟิลเลอร์ทำหน้าที่เติมเต็มส่วนที่ขาด ทำให้ผิวใต้ตาดูเรียบเนียนและสดใสขึ้นทันทีหลังทำ
จุดเด่น:
เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ
ช่วยลดร่องลึกและริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
ใช้เวลาทำเพียง 30-45 นาที
เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่มีร่องลึกใต้ตาชัดเจน
ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบทันที
ผู้ที่มีสภาพผิวใต้ตาที่ไม่บางจนเกินไป
ข้อพิจารณา: ฟิลเลอร์เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาที่เป็นเชิงโครงสร้าง เช่น ร่องลึกหรือโครงหน้าที่ไม่สมดุล หากมีปัญหาผิวที่หมองคล้ำหรือแห้ง อาจต้องพิจารณาบริการอื่น ๆ ร่วมด้วย
2. PRP ใต้ตา: ฟื้นฟูผิวลึกถึงระดับเซลล์

PRP คืออะไร?
PRP (Platelet-Rich Plasma) เป็นเทคนิคทางการแพทย์ที่ใช้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งถูกสกัดจากเลือดของผู้ป่วยเอง โดยกระบวนการนี้จะทำการเก็บเลือดจากผู้ป่วยแล้วนำไปปั่นในเครื่อง centrifuge เพื่อแยกเกล็ดเลือดออกจากเซลล์เลือดอื่น ๆ ทำให้ได้พลาสมาที่มีเกล็ดเลือดสูง (Platelet-Rich Plasma) ที่เต็มไปด้วยสารที่ช่วยในการฟื้นฟูและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
หลักการทำงานของ PRP
การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: PRP มีสารที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวหนัง ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญในการรักษาความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว
การซ่อมแซมเซลล์ผิว: สารใน PRP ช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวมีความสดใสและดูอ่อนเยาว์
การลดการอักเสบ: PRP ช่วยลดการอักเสบและอาการบวมในบริเวณที่ทำการรักษา

PRP ใต้ตา
การใช้ PRP ใต้ตาเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมในการฟื้นฟูผิวรอบดวงตา โดยเฉพาะในการลดรอยคล้ำและริ้วรอยเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเสื่อมสภาพของผิว PRP ช่วยให้ใต้ตาดูสดใสขึ้นและมีสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีหรือวิธีการที่มีความเสี่ยงสูง
จุดเด่น:
ฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึกด้วยกระบวนการธรรมชาติ
ลดรอยคล้ำและริ้วรอยได้ดี
ปลอดภัยเพราะใช้เกล็ดเลือดจากร่างกายของคุณเอง
เหมาะกับทุกสภาพผิว
เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่มีรอยคล้ำใต้ตาและริ้วรอยเล็ก ๆ
ผู้ที่ต้องการกระตุ้นการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติ
ผู้ที่ไม่สะดวกใช้สารสังเคราะห์
ข้อพิจารณา: PRP ใช้เวลาเห็นผลประมาณ 3-4 สัปดาห์ เนื่องจากต้องรอให้กระบวนการฟื้นฟูเกิดขึ้นตามธรรมชาติ และควรทำต่อเนื่อในช่วงแรก เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ในทันที

3. Skin Booster ใต้ตา: เพิ่มความชุ่มชื้นและความกระจ่างใส
Skin Booster คืออะไร?
Skin Booster เป็นการรักษาผิวที่ใช้เทคโนโลยีการฉีดสารเติมเต็ม ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในผิวหนัง ผสมกับสารบำรุงอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ โดยมีจุดประสงค์หลักในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิว

หลักการทำงานของ Skin Booster
หลักการทำงานของ Skin Booster คือการฉีดสารที่มีความเข้มข้นของกรดไฮยาลูโรนิกเข้าสู่ชั้นผิวหนัง โดยสารนี้จะช่วยดึงดูดน้ำเข้าสู่ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและเรียบเนียนมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษาความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิว
การฉีด Skin Booster เพื่อบำรุงใต้ตา
การฉีด Skin Booster ใต้ตาเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการดูแลผิวบริเวณนี้ เนื่องจากผิวใต้ตามักมีปัญหาขาดความชุ่มชื้นและเกิดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ง่าย การฉีด Skin Booster จะช่วยเติมน้ำให้กับผิวใต้ตา ทำให้ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวดูสดใสและสุขภาพดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งหรือมีริ้วรอยเล็ก ๆ ที่เกิดจากการขาดความชุ่มชื้น
จุดเด่น:
เติมความชุ่มชื้นล้ำลึก ให้ผิวดูฉ่ำและอิ่มน้ำ
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว
ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งใต้ตา
ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยเล็ก ๆ แบบไม่เปลี่ยนแปลงรูปหน้ามาก
ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบสดใสเป็นธรรมชาติ
ข้อพิจารณา: เช่นเดียวกับ PRP ผลลัพธ์ของ Skin Booster อาจต้องทำซ้ำทุก 2-6 เดือน และควรทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและความอ่อนเยาว์ของผิวใต้ตา

เปรียบเทียบบริการ PRP, Skin Booster และฟิลเลอร์ใต้ตา
บริการ | เหมาะกับปัญหา | ระยะเวลาเห็นผล | ความคงทนของผลลัพธ์ | จุดเด่น |
ฟิลเลอร์ใต้ตา | ร่องลึกใต้ตาชัดเจน | ทันที | 6-12 เดือน | เติมเต็มร่องลึกได้ทันที |
PRP ใต้ตา | รอยคล้ำ ริ้วรอยบาง ๆ ฟื้นฟูผิว | 3-4 สัปดาห์* | 6-12 เดือน* | ฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ |
Skin Booster | ผิวแห้ง ริ้วรอยเล็ก ๆ | ภายใน 2-3 วัน | 2-6 เดือน | เติมความชุ่มชื้นแบบล้ำลึก |
*เมื่อฉีดบำรุงอย่างต่อเนื่อง
ทำไมต้องเลือก Pure Clinic?
ที่ Pure Clinic เราให้บริการด้วยมาตรฐานระดับสูง พร้อมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในทุกขั้นตอน ใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมียม และให้คำปรึกษาอย่างละเอียด เพื่อช่วยคุณเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับปัญหาใต้ตาของคุณ
ติดต่อ Pure Clinic วันนี้ เพื่อปรึกษาและดูแลปัญหาใต้ตาของคุณอย่างมืออาชีพค่ะ
ความคิดเห็น