การบำรุงร่างกายด้วยวิตามินเข้าสู่เส้นเลือด: IV Drip vs. IV Push
- Nabi

- 25 ก.ค.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 27 ก.ย.
การบำรุงร่างกายด้วย วิตามินเข้าสู่เส้นเลือด (Intravenous Vitamin Therapy) ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในช่วงหลัง ความนิยมในบาร์วิตามินและคลินิกความงามทำให้คำว่า “ดริปวิตามิน” กลายเป็นเทรนด์ที่ใครๆ ก็พูดถึง แม้จะมีรูปแบบการให้วิตามินหลายแบบ แต่โดยหลักๆ จะมี IV Drip (หยดช้าๆ ผ่านสายน้ำเกลือ) และ IV Push (ฉีดด้วยเข็มฉีดยา) ผู้ที่กำลังตัดสินใจเติมวิตามินจึงควรรู้ว่าทั้งสองแบบต่างกันอย่างไร และแบบไหนให้ประโยชน์มากกว่ากัน
แตกต่างกันอย่างไร – IV Drip vs. IV Push
ลักษณะ | IV Drip | IV Push |
วิธีการ | หยดสารอาหารและน้ำเกลือลงสู่เส้นเลือดผ่านสายน้ำเกลือโดยอาศัยแรงโน้มถ่วง จึงควบคุมความเร็วได้ | ฉีดสารเข้มข้นผ่านเข็มฉีดยาผ่านสายที่ใส่ไว้ก่อน ใช้แรงมือกด จึงไหลเข้าสู่เส้นเลือดเร็ว |
ปริมาณของเหลว | 100 มิลลิลิตร ต่อครั้ง (โดยมาตรฐาน) มักมีน้ำเกลือ และผสมน้ำวิตามิน/แร่ธาตุเพื่อให้ร่างกายได้สารอาหารและความชุ่มชื้นมากๆ | 20-40 มิลลิลิตร ต่อครั้งเป็นน้ำวิตามินเข้มข้น |
ระยะเวลา | ใช้เวลา 20-30 นาที ให้สารอาหารค่อยๆ ไหลเข้าสู่ร่างกาย ผู้รับบริการสามารถพักผ่อน ดูหนัง หรือทำงานเบาๆ ได้ | ใช้เวลา 2-3 นาที เพราะเป็นการกดเข้าไปอย่างรวดเร็ว |
การดูดซึม | ได้รับสารอาหารเต็มที่เนื่องจากผ่านเส้นเลือดโดยตรง ปริมาณน้ำช่วยชะลอการไหลทำให้ร่างกายดูดซึมได้ต่อเนื่องและลดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ | ดูดซึมเร็วเพราะฉีดเข้มข้น แต่ปริมาณน้อยกว่า ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน และมีโอกาสเกิดอาการวิงเวียนหรือคลื่นไส้เมื่อให้ยาแรงเกินไป |
วัตถุประสงค์ | ให้ สารอาหารครบถ้วนและความชุ่มชื้น เหมาะกับคนที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพ บำรุงผิว เสริมภูมิคุ้มกัน และต้องการผลลัพธ์ยาวนาน | ให้ วิตามิน/ยาเฉพาะตัว แบบเข้มข้นและรวดเร็ว ใช้ในกรณีต้องการผลทันใจ เช่น แก้ปวดไมเกรน หรือเติมวิตามินโดสเล็กๆ ช่วงพักกลางวัน |

ทำไม IV Drip เหนือกว่า IV Push
1. ได้ทั้งวิตามินและความชุ่มชื้นมากกว่า
หนึ่งในเหตุผลที่หลายคนรู้สึกสดชื่นหลังดริปวิตามินคือปริมาณน้ำเกลือที่มากกว่าการฉีดแบบด่วน ขณะดริป ผู้รับบริการจะได้รับน้ำเกลือ 100-200 มิลลิลิตร ซึ่งอาจผสมกลูโคสและสารอาหารอื่นๆ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และกรดอะมิโน ความชุ่มชื้นที่เพิ่มขึ้นนี้ ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้า และทำให้ผิวดูฉ่ำใส นอกจากนี้การให้ของเหลวปริมาณมากยังช่วยลดอาการข้างเคียงเนื่องจากร่างกายมีเวลาปรับตัว ในทางกลับกัน IV Push ใช้สารปริมาณ 20–40 มิลลิลิตร จึงไม่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นและไม่เหมาะสำหรับคนที่อยากบำรุงสุขภาพแบบครบถ้วน เนื่องจากร่างกายได้รับเพียงวิตามินเข้มข้นเพียงเล็กน้อยแบบ “รวดเร็ว”
2. ผสมวิตามินหลายชนิดได้ในถุงเดียว
การดริปผิวแบบ IV Drip ช่วยให้แพทย์ผสมสารอาหารได้หลากหลาย เช่น น้ำเกลือ วิตามินซี วิตามินบี แมกนีเซียม แคลเซียม สังกะสี หรือแม้แต่กรดอะมิโนและสารต้านอนุมูลอิสระอย่างกลูตาไธโอน ตัวอย่างค็อกเทลยอดนิยมอย่าง Myers’ Cocktail ก็ประกอบด้วยแมกนีเซียม แคลเซียม วิตามินบี และวิตามินซี หรือ วิตามินสูตรยอดนิยมสำหรับการเร่งฟื้นฟูผิวใส พร้อมบูสต์สุขภาพจากภายในของ Pure Clinic อย่างสูตร Pure Revive ก็อัดแน่นด้วยวิตามินบี วิตามินซี คอลลาเจน การให้หลายสารพร้อมกันในปริมาณเหมาะสม (ไม่ overdose) ช่วยให้ร่างกายได้ประโยชน์แบบครอบคลุมโดยไม่ต้องฉีดหลายครั้ง
IV Push ทำได้เฉพาะสารปริมาณน้อยและบางชนิดเท่านั้น เพราะการฉีดเร็วเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้หรือวิงเวียน ไม่สามารถผสมสารหลายชนิดเข้มข้นได้ในครั้งเดียว ดังนั้นจึงมักเห็นบางคลินิกถือเข็มหลายสีมาหลายหลอดเพื่อให้ดูเหมือนให้สารหลากหลาย ทั้งที่จริงแล้วสารเหล่านั้นสามารถผสมในวิตามินเพียงกระปุกเดียวได้
3. ดูดซึมยาวนานกว่าและลดผลข้างเคียง
การปล่อยวิตามินผ่านเส้นเลือดอย่างช้าๆ ทำให้ร่างกายมีเวลาดูดซึมและนำไปใช้ได้มากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า IV Drip ให้ผลยาวนานกว่าเพราะร่างกายได้รับของเหลวและสารอาหารต่อเนื่อง 30 นาที ซึ่งช่วยให้ระดับวิตามินในเลือดคงอยู่ได้นานและลดความเสี่ยงของอาการไม่พึงประสงค์ เช่น วิงเวียน คลื่นไส้ หรือปวดศีรษะ
4. เหมาะกับการฟื้นฟูสุขภาพและบำรุงผิว
นอกจากจะช่วยเติมน้ำและสารอาหาร IV Drip ยังเป็นวิธีที่แพทย์ใช้ฟื้นฟูผู้ป่วยที่มีปัญหาการดูดซึมสารอาหารหรือขาดน้ำ เพราะการให้ผ่านเส้นเลือดทำให้ได้สารอาหารเต็ม 90–100% มากกว่าการรับประทานหรือแม้แต่การฉีดเร็ว และช่วยให้ร่างกายปรับระดับวิตามินเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน เพิ่มพลังงาน และบำรุงผิวพรรณให้ผิวดูอิ่มน้ำ นอกจากนี้การให้แบบดริปอย่างช้าๆ ยังถูกนำมาใช้สำหรับผู้ที่เหนื่อยล้าหนัก นักกีฬา และผู้ที่ต้องการดีท็อกซ์ด้วย
กลลวงที่ควรรู้: “หลายเข็ม หลายสี” ไม่ได้หมายถึงได้มากกว่า
ผู้บริโภคหลายคนอาจเคยเห็นโฆษณาดริปวิตามินที่ชูว่าใช้เข็มหลายหลอดหลายสีจนดูเหมือนได้สารมาก แต่ความจริงแล้ว วิตามินส่วนใหญ่สามารถผสมกันในถุงน้ำเกลือใบเดียวและหยดเข้าไปอย่างปลอดภัย ตามมาตรฐานการทำ IV Drip สารอาหารต่างๆ เช่น วิตามินซี วิตามินบี แมกนีเซียม และสารตั้งต้นกลูตาไธโอนสามารถทำเป็นค็อกเทลได้ หากต้องใช้เข็มหลายหลอด นั่นอาจหมายถึงการใช้ IV Push หลายครั้ง ซึ่งไม่ได้เพิ่มปริมาณสาร แต่อาจสร้างภาพลักษณ์ว่าได้มาก ทั้งยังเพิ่มรอยเข็มและความเสี่ยงของการระคายเคืองผิวในแต่ละจุด สิ่งที่สำคัญกว่าคือการให้วิตามินต้องทำภายใต้การดูแลของแพทย์หรือพยาบาลผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ เพื่อกำหนดชนิดและปริมาณสารให้เหมาะสมกับร่างกายแต่ละคน และควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานป้องกันการติดเชื้อและตรวจสอบคุณภาพสารละลายก่อนใช้

สรุป
IV Drip ช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำเกลือและสารอาหารจำนวนมากในคราวเดียวด้วยการหยดช้า ๆ ผ่านสายน้ำเกลือ ใช้เวลา 25‑30 นาที และได้สารอาหารครบถ้วนพร้อมความชุ่มชื้นสูง
IV Push เป็นการฉีดสารเข้มข้นปริมาณน้อย (10–20 ml) ผ่านเข็ม ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที จึงเหมาะกับการให้ยาเฉพาะตัวหรือวิตามินโดสเล็กๆ
ข้อดีของ IV Drip คือสามารถผสมวิตามินหลายชนิดในถุงเดียว เพิ่มความชุ่มชื้น และลดผลข้างเคียงได้มากกว่า ขณะที่ IV Push เหมาะกับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วและปริมาณสารน้อย ๆ เท่านั้น
การโฆษณาโดยใช้ “หลายเข็ม หลายสี” เป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาด เพราะสารอาหารส่วนใหญ่สามารถรวมกันในถุงเดียวได้ ควรเลือกคลินิกที่เน้นคุณภาพและความปลอดภัยมากกว่าภาพลักษณ์สวยงาม
การดริปวิตามินสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกาย บำรุงผิว และเพิ่มพลังได้จริงหากทำอย่างถูกวิธี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จำเป็นต้องดริป การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อน และออกกำลังกายยังคงเป็นรากฐานของสุขภาพดี ผู้สนใจควรปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกรูปแบบการให้วิตามินเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนเอง



ความคิดเห็น