top of page

Collagen Biostimulator คืออะไร? ช่วยเรื่องอะไร? และควรฉีดตอนไหน? รู้ครบก่อนตัดสินใจปรับผิวให้ดูเด็กลงอีกครั้ง

  • รูปภาพนักเขียน: Nabi
    Nabi
  • 17 ก.พ.
  • ยาว 3 นาที

ree

ในปัจจุบันเทรนด์การดูแลผิวพรรณและการปรับรูปหน้าไม่ได้มีเพียงแค่โบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์เท่านั้น แต่ยังมีอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในกลุ่มผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์แบบเป็นธรรมชาติ นั่นคือ Collagen Biostimulator หรือที่หลายคนอาจเคยได้ยินว่า “สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน”


แล้ว Collagen Biostimulator คืออะไร? ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง? และควรฉีดเมื่อไรถึงจะได้ผลดีที่สุด? Pure Clinic ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักแบบเจาะลึก พร้อมแนะนำแบรนด์ชั้นนำที่กำลังมาแรงอย่าง JuveLook, Sculptra, Rejuran, Radiesse และ Profhilo



Collagen Biostimulator คืออะไร?


Collagen Biostimulator (คอลลาเจน ไบโอสติมูเลเตอร์) คือ สารเติมเต็มที่มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยกระตุ้นให้ผิวของเราสร้างคอลลาเจนขึ้นเองตามธรรมชาติ แตกต่างจากการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไปที่เน้นการเติมเต็มให้เห็นผลทันที Collagen Biostimulator จะค่อย ๆ ปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ใช้เวลาเห็นผลประมาณ 1-3 เดือน และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า


ree

หลักการทำงานของ Collagen Biostimulator


Collagen Biostimulator ทำงานโดยการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ในชั้นผิวให้ผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ ช่วยให้ผิวที่เคยหย่อนคล้อย กลับมาตึงกระชับ เรียบเนียน และดูอิ่มฟูขึ้น

สารสำคัญใน Collagen Biostimulator มีหลายชนิด เช่น

  • Poly-L-Lactic Acid (PLLA) – ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • Calcium Hydroxylapatite (CaHA) – เติมเต็มริ้วรอยพร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

  • Polynucleotide (PN) – สารสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว


ree


Collagen Biostimulator ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?


Collagen Biostimulator ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ดังนี้


1. ฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์

เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวเสื่อมสภาพ เช่น ผิวบาง ผิวแห้งกร้าน ดูไม่สดใส Collagen Biostimulator จะช่วยกระตุ้นให้ผิวกลับมาแข็งแรงและเปล่งปลั่ง


2. ลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย

ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยตื้น ๆ ไปจนถึงริ้วรอยลึก เช่น ร่องแก้ม มุมปาก ร่องใต้ตา พร้อมช่วยยกกระชับผิวในบริเวณที่หย่อนคล้อย ให้ดูเต่งตึงขึ้น


3. ปรับโครงหน้าให้ดูอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ

ช่วยเติมเต็มใบหน้าในจุดที่มีการยุบตัวตามวัย เช่น ขมับตอบ แก้มตอบ ร่องน้ำหมาก แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อนแข็งเหมือนการฉีดฟิลเลอร์ในบางกรณี


4. เพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นให้กับผิว

คอลลาเจนและอิลาสตินที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ผิวดูแน่นขึ้น รูขุมขนเล็กลง ผิวแลดูเรียบเนียนและสุขภาพดี


5. เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ยาวนาน

Collagen Biostimulator ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า โดยทั่วไปอยู่ได้ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของผลิตภัณฑ์และการดูแลผิวหลังฉีด



ควรฉีด Collagen Biostimulator เมื่อไร?


การฉีด Collagen Biostimulator เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณของความหย่อนคล้อย หรือริ้วรอยแห่งวัย โดยช่วงอายุที่แนะนำคือ 30 ปีขึ้นไป หรือเมื่อเริ่มสังเกตเห็นว่าผิวหน้าดูโทรมลง ไม่กระชับเหมือนเดิม

นอกจากนี้ ยังเหมาะกับผู้ที่มีผิวบางจากอายุที่เพิ่มขึ้น หรือผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์มาแล้ว แต่ต้องการหันมาเน้นการฟื้นฟูผิวจากภายใน


ข้อดีและข้อควรระวัง

ข้อดี

  • ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ

  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจริง ไม่ใช่แค่การเติมเต็ม

  • อยู่ได้ยาวนาน 1-2 ปี

  • ไม่มีปัญหาเรื่องการไหลหรือเคลื่อนตัวของสาร

ข้อควรระวัง

  • ใช้เวลาเห็นผล ต้องอาศัยความต่อเนื่อง

  • ต้องทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ

  • อาจมีอาการบวมแดงหลังฉีดเล็กน้อย แต่จะหายได้เองใน 1-3 วัน



Collagen Biostimulator ยี่ห้อไหนดี?


ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์กลุ่ม Collagen Biostimulator หลากหลายยี่ห้อ ทาง Pure Clinic ขอยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่นิยมดังนี้ค่ะ


1. JuveLook


JuveLook เป็น Collagen Biostimulator จากประเทศเกาหลีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในแวดวงความงาม เนื่องจากมีส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์คือ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ผสานกับ Non-crosslinked Hyaluronic Acid (HA) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว พร้อมเติมความชุ่มชื้นได้ทันที JuveLook เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน ลดริ้วรอยเล็ก ๆ กระชับรูขุมขน รวมถึงเสริมความยืดหยุ่นของผิว ทำให้ดูอ่อนเยาว์แบบเป็นธรรมชาติ

ผลลัพธ์ของ JuveLook จะค่อย ๆ ปรากฏชัดขึ้นหลังฉีดประมาณ 4-8 สัปดาห์ และอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน นอกจากนี้ ยังเป็น Collagen Biostimulator ที่เหมาะกับการฉีดบริเวณใต้ตา ขมับ และทั่วใบหน้า เนื่องจากเนื้อสารค่อนข้างละเอียดและกระจายตัวได้ดี จึงลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงอย่างการจับตัวเป็นก้อน แตกต่างจาก PLLA รุ่นก่อน ๆ ที่อาจมีปัญหาเรื่องการแข็งตัว JuveLook ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวที่ช่วยเติมเต็มและฟื้นฟูผิวในระยะยาวได้อย่างปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ



ree

2. Sculptra


Sculptra เป็น Collagen Biostimulator สัญชาติอเมริกา มีสารหลักคือ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) เช่นเดียวกับ JuveLook แต่มีความเข้มข้นสูงกว่า และถือเป็นต้นแบบของ PLLA ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล Sculptra โดดเด่นเรื่องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาใบหน้าตอบ ร่องแก้มลึก แก้มส้มแฟบ หรือผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มขึ้น

Sculptra ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่เห็นชัดเจนในทันที แต่จะค่อย ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ใบหน้าค่อย ๆ ดูเต็มขึ้น ผิวแน่นขึ้น และริ้วรอยลดลงอย่างเป็นธรรมชาติ ใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน จึงจะเห็นผลชัดเจน และอยู่ได้นาน 1.5 - 2 ปี นับเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปและให้ผลลัพธ์ระยะยาว Sculptra ควรฉีดโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง เพราะเทคนิคการผสมและการฉีดจะส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์และความปลอดภัย




ree


3. Rejuran


Rejuran หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ Rejuran Healer เป็นผลิตภัณฑ์จากเกาหลีที่อยู่ในกลุ่ม Polynucleotide (PN) ซึ่งสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน จุดเด่นคือการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวจากระดับลึก ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน พร้อมลดการอักเสบและเพิ่มความแข็งแรงให้กับเกราะป้องกันผิว เหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ผิวเสื่อมสภาพ มีรอยแผลเป็นจากสิว หรือมีปัญหารูขุมขนกว้าง

Rejuran ให้ผลลัพธ์เรื่องการฟื้นฟูผิวมากกว่าการเติมเต็ม จึงเหมาะสำหรับการฉีดทั่วใบหน้า ใต้ตา และลำคอ เพื่อให้ผิวดูสุขภาพดีและอ่อนเยาว์ขึ้น ใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ จึงเริ่มเห็นผล และแนะนำให้ทำต่อเนื่อง 3-4 ครั้ง ห่างกันทุก 3-4 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน จุดเด่นอีกอย่างคือหลังฉีดผิวจะดูโกลว์ใสแบบ Glass Skin จึงได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ดาราและเซเลบริตี้


ree

4. Radiesse


Radiesse เป็น Collagen Biostimulator จากอเมริกา มีสารหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารเติมเต็มที่มีลักษณะเฉพาะ สามารถให้ผลลัพธ์ 2 แบบคือ เติมเต็ม (Volumizing) ได้ทันที และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาวไปพร้อมกัน Radiesse เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อย ปรับรูปหน้าให้ดูคมชัดขึ้น เช่น การเติมขมับ ยกกรอบหน้า หรือเติมเต็มร่องลึกต่าง ๆ


Radiesse ให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีหลังฉีด และจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 1-3 เดือน หลังจากคอลลาเจนเริ่มสร้างตัวเต็มที่ ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานถึง 18-24 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของแต่ละคน นอกจากนี้ Radiesse ยังเป็นตัวเดียวที่สามารถนำมาผสมน้ำเกลือเพื่อทำเป็น “Radiesse Dilution” ฉีดเพื่อฟื้นฟูสภาพผิวทั่วใบหน้า ลำคอ และหลังมือ ให้ดูเรียบเนียนและกระชับขึ้นได้อีกด้วย ถือเป็น Collagen Biostimulator ที่เหมาะสำหรับทั้งการเติมเต็มและการฟื้นฟูผิวในตัวเดียว

ree

5. Profhilo


Profhilo เป็นนวัตกรรม Bio-remodeling Treatment จากประเทศอิตาลี ที่มีสารหลักคือ Hyaluronic Acid (HA) ความเข้มข้นสูงถึง 64mg/2ml ซึ่งมากกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป จุดเด่นของ Profhilo คือการช่วยฟื้นฟูและยกกระชับผิวจากภายใน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว พร้อมทั้งเติมเต็มความชุ่มชื้น ให้ผิวดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาวแบบสุขภาพดี แตกต่างจากฟิลเลอร์และเมโสทั่วไปตรงที่ Profhilo ไม่ได้เน้นการเติมเต็มปริมาตรเฉพาะจุด แต่เน้นการฟื้นฟูและปรับโครงสร้างผิวทั่วทั้งใบหน้าให้ดูเรียบเนียนและยกกระชับมากขึ้น


Profhilo เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งขาดน้ำ ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยเล็ก ๆ หรือรู้สึกว่าผิวขาดความยืดหยุ่นหลังอายุ 30 ปีขึ้นไป หลังฉีด Profhilo จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 1-2 สัปดาห์ และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดในช่วง 4 สัปดาห์ หลังจากการฉีดครั้งที่ 2 โดยแนะนำให้ฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งนี้ ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวของแต่ละคน Profhilo ใช้เทคนิคการฉีดเฉพาะที่เรียกว่า BAP Technique (Bio Aesthetic Points) ฉีดเพียง 5 จุดต่อข้าง ทำให้เจ็บน้อยและช้ำน้อยมาก ได้รับการรับรองจากทั้ง European CE Certification และ US FDA ด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ จึงเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ


ree

เปรียบเทียบจุดเด่นของแต่ละตัว

ผลิตภัณฑ์

สารหลัก

จุดประสงค์หลัก

จุดเด่นพิเศษ

ระยะเวลาการเห็นผล

ระยะเวลาคงอยู่

เหมาะกับบริเวณ

JuveLook

PLLA + HA

กระตุ้นคอลลาเจน + เติมน้ำใต้ผิว

เนื้อละเอียด ฉีดใต้ตา ขมับได้ ไม่เป็นก้อน

4-8 สัปดาห์

12-18 เดือน

ใต้ตา ขมับ ทั่วใบหน้า

Sculptra

PLLA

กระตุ้นคอลลาเจน + เติมเต็มใบหน้า

เติมเต็มใบหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไป อยู่ได้นาน

1-3 เดือน

1.5-2 ปี

ขมับ แก้ม ร่องแก้ม ทั่วหน้า

Rejuran

Polynucleotide (PN)

ฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิว

ซ่อมผิวจากระดับลึก ลดการอักเสบ ผิวแพ้ง่ายใช้ได้

2-4 สัปดาห์

6-12 เดือน

ใต้ตา ใบหน้า ลำคอ

Radiesse

CaHA

เติมเต็ม + กระตุ้นคอลลาเจน

เติมเต็มทันที + กระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว

เห็นผลทันที + 1-3 เดือน

18-24 เดือน

กรอบหน้า ขมับ ร่องลึก ผิวทั่วใบหน้า (Radiesse Dilution)

Profhilo

Hyaluronic Acid (HA)

ยกกระชับ + เติมน้ำให้ผิว

ฟื้นฟูผิวทั่วหน้า ผิวฉ่ำวาว Glow Skin

1-2 สัปดาห์

6 เดือน

ทั่วใบหน้า ลำคอ หลังมือ

สรุปจุดเด่นเด่นของแต่ละตัว (Key Highlights)


  • JuveLook → ฉีดใต้ตาได้ดี กระตุ้นคอลลาเจน + เติมน้ำ ผิวดูสดใส

  • Sculptra → ฟื้นฟูใบหน้าแบบลึก เติมเต็มใบหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไป อยู่ได้นาน

  • Rejuran → ซ่อมแซมเซลล์ผิว ผิวแพ้ง่ายใช้ได้ ลดการอักเสบ ฟื้นฟูผิวจากภายใน

  • Radiesse → เติมเต็มทันที + กระตุ้นคอลลาเจน กรอบหน้าชัด ฟื้นฟูผิวได้ทั้งหน้า (Radiesse Dilution)

  • Profhilo → เติมน้ำใต้ผิว ผิวฉ่ำวาว Glow Skin ยกกระชับทั่วหน้า


การเลือก Collagen Biostimulator ที่เหมาะกับปัญหาและความต้องการของผิวแต่ละคน ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติที่สุดค่ะ



สรุป


Collagen Biostimulator เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากภายใน ให้ดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดีแบบเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์เสมอไป การเลือกยี่ห้อที่เหมาะสม เช่น JuveLook, Sculptra, Rejuran และ Radiesse พร้อมการดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Pure Clinic จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าได้รับผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและสวยงามที่สุด




ความคิดเห็น


  • Facebook
  • TikTok
  • Instagram
  • Line
ปรึกษาฟรี 099-956-4799 / 063-947-4447 

เพียวคลินิกเวชกรรม ใบอนุญาตที่ 10101001668 © 2025 Pure Clinic Bangna all right reserved

bottom of page