Xeomin vs Allergan (Botox®) ควรเลือกอะไรดี?
- Nabi
- 20 ก.ค.
- ยาว 1 นาที
เปรียบเทียบแบบมืออาชีพ โบไหนเด่นเรื่องอะไร เห็นชัดทุกมิติ

โบท็อกซ์ หรือ Botulinum Toxin Type A เป็นสารโปรตีนบริสุทธิ์ที่ใช้สำหรับลดเลือนริ้วรอย ลดกล้ามเนื้อ และปรับรูปหน้าให้ดูเรียวกระชับ ซึ่งแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักในระดับโลกมีอยู่หลายยี่ห้อ โดยเฉพาะ Allergan (หรือที่เรารู้จักในชื่อ "Botox®") และ Xeomin ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ ราคา และผลลัพธ์ที่ได้
บทความนี้จะพาคุณมาทำความรู้จักกับทั้งสองแบรนด์แบบละเอียด แยกเป็นหัวข้อชัดเจน เพื่อให้ตัดสินใจเลือกได้อย่างมั่นใจที่สุด
1. ประวัติของแต่ละแบรนด์
Allergan (Botox®)
ผู้ผลิต: Allergan, Inc. (ปัจจุบันคือ AbbVie หลังควบรวมกิจการในปี 2020)
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
ปีที่เปิดตัวโบท็อกซ์: 1989 (ได้รับการรับรองจาก FDA ในปีเดียวกัน)
ถือเป็น “โบท็อกซ์แบรนด์แรกของโลก” ที่ผ่านการวิจัยและรับรองในระดับทางการแพทย์
มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 30 ปี และใช้ในโรงพยาบาลทั่วโลกทั้งในด้านความงามและเวชกรรม (เช่น รักษาไมเกรน, กล้ามเนื้อกระตุก)

Xeomin
ผู้ผลิต: Merz Pharma GmbH & Co. KGaA
ประเทศ: เยอรมนี
เปิดตัว: 2005 (ได้รับการอนุมัติจาก EU), ปี 2010 (ได้รับการรับรองจาก US FDA)
ได้ฉายาเป็นโบท็อกซ์ "เจนเนอเรชันใหม่" ที่เน้นความบริสุทธิ์ของสารออกฤทธิ์
มีความนิยมสูงในยุโรปและอเมริกา โดยเฉพาะในกลุ่มที่แพ้สารโปรตีนผสมในโบท็อกซ์รุ่นเก่า

2. คุณสมบัติเด่นของแต่ละยี่ห้อ
Allergan (Botox®)
เป็นโบท็อกซ์แบรนด์แรกของโลก
โมเลกุลผสมโปรตีนเสริม (Complexing Protein) ช่วยเสถียรภาพของตัวยา
เป็นแบรนด์ที่มี “ฐานข้อมูลการวิจัย” หนาแน่นที่สุดในโลก
ให้ผลลัพธ์แม่นยำสูงและเชื่อถือได้ในทุกบริเวณของใบหน้า
มีความคงตัวสูง เหมาะกับเทคนิคฉีดหลายแบบ
Xeomin
มีเพียงสารบริสุทธิ์ Botulinum toxin A (เรียกว่า "Naked Toxin")
บริสุทธิ์ 100% ไม่มีโปรตีนเสริม → ลดโอกาสการดื้อยาในผู้ที่เคยฉีดโบท็อกซ์มาเป็นเวลานาน
โอกาสเกิดปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันต่ำกว่า
ตัวยาบริสุทธิ์ ช่วยให้กระจายตัวดีในชั้นผิว
ให้ผลดีในราคาที่ย่อมเยากว่า Allergan (Botox®)
3. การออกฤทธิ์และระยะเวลาที่เห็นผล
รายการ | Allergan (Botox®) | Xeomin |
เริ่มเห็นผล | 3-5 วัน | 3-4 วัน |
เห็นผลชัดเจนเต็มที่ | 7-14 วัน | 7-14 วัน |
ระยะเวลาผลลัพธ์อยู่ได้นาน | 4-6 เดือน | 4-6 เดือน |
ความแน่นอนของผลลัพธ์ | สูงมาก | สูง แต่บางกรณีอาจกระจายไวกว่า |
วิเคราะห์:
ทั้งสองให้ผลที่ใกล้เคียงกันในแง่ของ “ระยะเวลา” แต่ Xeomin อาจออกฤทธิ์กระจายตัวได้กว้างกว่าเล็กน้อย เนื่องจากไม่มีโปรตีนเสริม
ในผู้ที่มีประวัติดื้อโบท็อกซ์มาก่อน Xeomin อาจตอบโจทย์มากกว่า

4. ความปลอดภัยและมาตรฐานการผลิต
หัวข้อ | Allergan (Botox®) | Xeomin |
ผ่านการรับรองจาก FDA (สหรัฐ) | ✔️ | ✔️ |
ผ่านการรับรองจาก EU | ✔️ | ✔️ |
ผ่าน อย. ประเทศไทย | ✔️ | ✔️ |
เทคโนโลยีการผลิต | Standard Complex Toxin | “Naked Toxin” (ไม่มี Complexing Protein) |
เหมาะสำหรับ | ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แน่นอน | ผู้ที่กังวลดื้อยา |
ความปลอดภัย:ทั้งสองแบรนด์ได้รับการรับรองจากองค์การควบคุมยาระดับสูง (FDA / EU / อย.) และผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยในระดับ Clinical Trial แล้วหลายระยะ จึงสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจเมื่อฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
5. บทสรุป: แล้วควรเลือกตัวไหนดี?
ต้องการแบบนี้ | แบรนด์ที่อาจตอบโจทย์ |
ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน แม่นยำ เน้นจุดยาก | Allergan (Botox®) |
มีประวัติฉีดโบท็อกซ์มานาน และกลัวดื้อยา | Xeomin |
อยากทดลองใช้โบท็อกซ์ใหม่ในกลุ่มยุโรป | Xeomin |
ต้องการความมั่นใจในผลลัพธ์ระยะยาว | Allergan (Botox®) |
มีผิวแพ้ง่าย กลัวอาการไม่พึงประสงค์จากโปรตีน | Xeomin |
ต้องการผลลัพธ์ธรรมชาติในราคาที่ไม่แรง | Xeomin |

บทสรุป:
Allergan (Botox®) ยังคงเป็น “แบรนด์มาตรฐาน” ที่ทั่วโลกเชื่อถือ โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ฉีดระหว่างคิ้ว, หางตา, ปรับรูปหน้า
Xeomin เป็นแบรนด์ทางเลือกในราคาคุ้มค่า ที่เหมาะกับผู้ที่ฉีดบ่อย ๆ หรือมีแนวโน้มดื้อสารโบทูลินั่ม A เพราะเป็นโบท็อกซ์บริสุทธิ์ ไม่มีโปรตีนเสริม ลดโอกาสเกิดภูมิต้านทาน
ความคิดเห็น