top of page

ทำไมดริปวิตามินแล้วยัง “ไม่ขาว”? รวมคำตอบจากแพทย์ พร้อมวิธีดูแลผิวให้ได้ผลจริง

  • รูปภาพนักเขียน: Nabi
    Nabi
  • 8 พ.ค.
  • ยาว 2 นาที

ในยุคที่หลายคนหันมาดูแลผิวพรรณจากภายใน การดริปวิตามินผิวกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมที่ได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะมีจุดเด่นเรื่องความรวดเร็วในการฟื้นฟูสุขภาพผิว เติมเต็มสารอาหารสำคัญ และช่วยให้ผิวดูใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แต่บางคนอาจรู้สึกผิดหวังเมื่อดริปแล้ว “ไม่ขาว” อย่างที่คาดหวัง แล้วมันเกิดจากอะไร? วันนี้ Pure Clinic จะมาอธิบายอย่างละเอียด พร้อมแนะแนวทางการดูแลตัวเองให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ



ดริปวิตามินคืออะไร และช่วยเรื่องผิวอย่างไร?


การดริปวิตามิน (IV Drip) คือการให้วิตามินและสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมได้ทันที เหมาะกับคนที่ต้องการบูสต์ร่างกายเร่งด่วน เช่น ผิวหมองจากนอนดึก ทำงานหนัก หรืออยู่ในช่วงที่ร่างกายอ่อนล้า สูตรวิตามินของ Pure Clinic ถูกออกแบบโดยทีมแพทย์ให้เหมาะกับปัญหาผิวและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล เช่น สูตรเพื่อผิวใส ผิวชุ่มชื้น ลดความหมองคล้ำ หรือช่วยต้านอนุมูลอิสระ




ทำไมดริปวิตามินแล้วไม่ขาว?

หลายคนเข้าใจผิดว่าการดริปวิตามินจะทำให้ "ผิวขาว" แบบทันตาเห็น แต่แท้จริงแล้ว วิตามินดริปไม่ได้ออกฤทธิ์เหมือน “ยาฟอกผิว” แต่ช่วยบำรุงให้ผิวแข็งแรง กระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ และดูมีออร่าอย่างสุขภาพดี ซึ่งผลลัพธ์จะชัดเจนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้ค่ะ:



1. ดริปไม่สม่ำเสมอ: ร่างกายต้องการ “ความต่อเนื่อง” เพื่อเสริมสร้างผิวจากภายใน


วิตามินและสารอาหารที่ให้ผ่านการดริปเข้าสู่เส้นเลือด แม้จะดูดซึมได้เกือบ 100% และเร็วกว่าการกินปกติ แต่ร่างกายยังคงมีการเผาผลาญและขับออกตามธรรมชาติ เช่น วิตามินซีที่เป็นสารละลายน้ำ จะถูกขับออกทางปัสสาวะภายใน 24-48 ชั่วโมง หากไม่ได้รับอย่างต่อเนื่อง จะไม่สามารถคงระดับวิตามินที่จำเป็นต่อการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและต้านอนุมูลอิสระในผิวได้


ในทางคลินิก แพทย์มักแนะนำให้ดริปทุกสัปดาห์อย่างน้อย 3-5 ครั้งในช่วงแรก เพื่อให้ระบบร่างกายได้รับวิตามินอย่างเพียงพอ และเร่งการฟื้นฟูผิวที่เสื่อมโทรม กระบวนการฟื้นฟูอาจกินเวลา 2-3 เดือน จากนั้นค่อยลดความถี่เหลือเดือนละ 1-2 ครั้งในระยะยาว เพื่อคงผลลัพธ์ การเว้นช่วงห่างนานเกินไปจะทำให้ผิวกลับคืนสภาพเดิม



2. ไม่ดูแลผิวหลังดริป: ป้องกันผิวจาก “ตัวทำลาย” ภายนอกเป็นหัวใจสำคัญ


หลังการดริป ร่างกายจะอยู่ในภาวะที่ “พร้อมซ่อมแซม” ผิว หากไม่เสริมการดูแลจากภายนอก เช่น ไม่ทาครีมกันแดด (โดยเฉพาะ SPF50+ PA+++ ซึ่งสามารถกรองรังสี UVB ได้กว่า 98%) หรือโดนแดดแรงโดยไม่ป้องกัน จะส่งผลให้อนุมูลอิสระ (Free Radicals) จากแสง UV ทำลายเซลล์ผิวใหม่ที่เพิ่งได้รับการบำรุง


นอกจากนี้ การไม่ใช้ครีมบำรุงเพื่อเสริมชั้นปราการผิว (Skin Barrier) จะทำให้วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้รับถูกทำลายเร็วกว่าปกติ จึงควรดูแลควบคู่กันไป เพื่อให้ผลลัพธ์ของการดริปยืนยาวและเห็นผลชัดเจน




3. พฤติกรรมชีวิตไม่เอื้อ: ผิวที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องวิตามิน แต่คือ “สมดุลของระบบร่างกาย”


การพักผ่อนไม่พอ (น้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อคืน) ส่งผลให้ร่างกายผลิต “คอร์ติซอล” (Cortisol) ฮอร์โมนแห่งความเครียดในระดับสูง ซึ่งจะลดการซ่อมแซมผิวและลดการผลิตคอลลาเจนโดยตรง รวมทั้งเร่งการอักเสบภายในผิว


ในขณะเดียวกัน พฤติกรรมอย่างการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์จะลดประสิทธิภาพของวิตามิน C, A และ E ที่เป็นหัวใจในการบำรุงผิว และส่งผลให้เส้นเลือดฝอยตีบ ทำให้การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงผิวลดลง


แม้จะได้รับวิตามินจากการดริปอย่างเข้มข้น แต่หากระบบในร่างกายเสียสมดุล ก็ไม่สามารถนำไปใช้ซ่อมแซมและฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องควบคุมพฤติกรรมชีวิตควบคู่เสมอ




4. วิตามินไม่ตรงกับปัญหาผิว: ผิวแต่ละแบบ ต้องการ “สูตรเฉพาะ” เพื่อผลลัพธ์ที่ตรงจุด


ร่างกายของแต่ละคนมีสภาพผิวและปัญหาที่ต่างกัน เช่น บางคนมีผิวหมองคล้ำจากแดดสะสม บางคนผิวอักเสบจากสิว หรือบางคนมีปัญหาภูมิคุ้มกันต่ำ วิตามินแต่ละชนิดจึงถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ที่ต่างกัน การเลือกสูตรดริปโดยไม่มีการประเมินผิวก่อน อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ชัดเจน หรือไม่ตอบสนองตามที่คาดหวัง


วิตามินซี (Vitamin C)

วิตามิน C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญต่อผิว ช่วยกระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของผิว ช่วยให้ผิวดูเต่งตึง เรียบเนียน และลดเลือนริ้วรอย นอกจากนี้ยังช่วย ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ซึ่งมีบทบาทในการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวดู กระจ่างใสขึ้น ลดจุดด่างดำ ได้

หากต้องการผลลัพธ์ในเรื่องผิวใส วิตามิน C ถือเป็นหัวใจหลักของสูตรดริปที่ควรมีอย่างเหมาะสม


วิตามิน B-Complex

วิตามิน B-complex คือกลุ่มวิตามิน B หลายชนิดที่ทำงานร่วมกัน เช่น B1, B2, B3, B5, B6, B7, B9 และ B12 ซึ่งมีบทบาทในการ ซ่อมแซมเซลล์ผิว เสริมกระบวนการเผาผลาญพลังงาน และลดการอักเสบของผิว วิตามิน B3 (ไนอะซินาไมด์) และ B5 (แพนโทเทนิกแอซิด) ช่วย ลดความมัน ลดการอักเสบ และฟื้นฟูผิวที่เป็นสิวง่ายเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวอ่อนแอ ผิวแพ้ง่าย หรือมีแนวโน้มเป็นสิว


วิตามิน B12 (Cobalamin)

วิตามิน B12 มีบทบาทสำคัญต่อ ระบบประสาทและการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง แต่ยังช่วยเรื่องผิวพรรณด้วย โดยเฉพาะในการ กระตุ้นกระบวนการแบ่งเซลล์ผิวใหม่ และซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิว

นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการ ลดการอักเสบภายใน เหมาะกับคนที่พักผ่อนน้อย เครียดง่าย หรือมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ ทำให้ผิวหมองง่าย ไม่สดใส


ความเข้มข้นของวิตามิน: จุดตัดสิน “ผลลัพธ์ที่ชัดเจน” หรือ “ไม่ได้ผล”

นอกจากชนิดของวิตามินแล้ว "ความเข้มข้น" ของสารในแต่ละสูตรก็เป็นตัวแปรที่สำคัญ เช่น:

  • สูตรเข้มข้นปกติ: เหมาะกับการดูแลผิวทั่วไป ฟื้นฟูเบื้องต้น เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น

  • สูตรเข้มข้นพิเศษ (High Dose): มีปริมาณวิตามินมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวหมองคล้ำสะสม ต้องการฟื้นฟูเร่งด่วน หรือคนที่ไม่สามารถดริปบ่อยๆ ได้




5. ความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลเรื่อง “ผิวขาว”

ผิวคนเรามี “เมลานิน” (Melanin) ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องร่างกายจากรังสี UV ความขาวจึงขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของแต่ละคนด้วย โดยเฉพาะคนไทยที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแดดแรงเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้มีพันธุกรรมผิวสีเข้มโดยธรรมชาติเพื่อเป็นกลไลในการปกป้องผิวจากแสงแดด การดริปวิตามินไม่สามารถเปลี่ยนพันธุกรรมผิว แต่สามารถช่วยลดการสร้างเมลานินส่วนเกิน ลดจุดด่างดำ


ดังนั้นการดริปวิตามินจะไม่สามารถทำให้คนที่ผิวเข้มโดยธรรมชาติ ให้ขาวแบบคนยุโรปได้ แต่สามารถทำให้สีผิวดูสว่างและ “กระจ่างใส” จากเดิมมากขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติ 1-2 ระดับ ค่ะ


สิ่งที่ควรตั้งความหวังคือ “ผิวสุขภาพดี” ดูอิ่มฟู กระจ่างใส มีออร่า ไม่ใช่ “ขาวลอย” แบบผิดธรรมชาติ การเข้าใจธรรมชาติของผิวตัวเองและให้เวลากับกระบวนการฟื้นฟูอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ผลลัพธ์ยั่งยืนและปลอดภัยกว่า



วิธีดูแลตัวเองให้ดริปวิตามินเห็นผล

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง เพื่อเลือกสูตรที่เหมาะกับคุณ

  • ดริปอย่างสม่ำเสมอ 3-4 ครั้งต่อเดือนในช่วงแรก ตามคำแนะนำ

  • ดื่มน้ำเยอะๆ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น อดนอน ดื่มแอลกอฮอล์

  • หลีกเลี่ยงแสงแดดแรง และทาครีมกันแดดเป็นประจำ

  • อย่าเพิ่งรีบคาดหวังผล ต้องให้เวลาและสังเกตการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป



อย่าคาดหวังผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว แต่จงใส่ใจใน “วิธีดูแลตัวเอง”


ผลลัพธ์ที่ดี เริ่มต้นจากความเข้าใจที่ถูกต้องและการดูแลอย่างต่อเนื่อง ดริปวิตามินเป็นแค่หนึ่งในเครื่องมือ แต่การมีสุขภาพผิวที่ดีจากภายในต้องอาศัยวินัยและความสม่ำเสมอ เลือก Pure Clinic เพื่อให้เราช่วยคุณดูแลทุกขั้นตอนอย่างมืออาชีพ



ทำไมต้องดริปที่ Pure Clinic?


Pure Clinic เป็นคลินิกความงามในย่านบางนา ให้บริการดริปวิตามินสูตรเฉพาะ ใช้วิตามินคุณภาพสูง ปลอดภัย เห็นผลจริงในบรรยากาศมินิมอล อบอุ่น การเดินทางสะดวก ใกล้ BTS แบริ่ง มีที่จอดรถ พร้อมโปรโมชั่นหลากหลาย และระบบสมาชิก Pure Member ที่ให้สิทธิพิเศษทั้งคูปองส่วนลดและแลกซื้อโปรแกรมในราคาพิเศษ





Pure Clinic | โครงการ Anacade สุขุมวิท 103

เปิดบริการ: วันพุธ - อาทิตย์ | 13:00 - 20:00 น. (หยุดจันทร์-อังคาร)📞 โทร: 099-956-4799 / 063-947-4447📱 Line: @pureskinclinicbkk


#ดริปวิตามิน #วิตามินผิวใส #คลินิกบางนา #ผิวกระจ่างใส #PureClinic #คลินิกความงามบางนา #ดริปวิตามินบางนา #รักษาผิว #ผิวใสสุขภาพดี

Comments


  • Facebook
  • TikTok
  • Instagram
  • Line
ปรึกษาฟรี 099-956-4799 / 063-947-4447 

เพียวคลินิกเวชกรรม ใบอนุญาตที่ 10101001668 © 2025 Pure Clinic Bangna all right reserved

bottom of page