ผมร่วง ผมบาง PRP + ฉายแสง LED ช่วยได้จริงไหม?
- Nabi
- 22 ก.ค.
- ยาว 3 นาที
อัปเดตเมื่อ 27 ก.ย.
รู้ข้อมูลเชิงลึกให้กระจ่างก่อนตัดสินใจรักษา ป้องกันผมบาง ก่อนสายเกินแก้
หากคุณเริ่มรู้สึกว่าเส้นผมของตัวเองบางลง เห็นหนังศีรษะชัดขึ้น เส้นผมเล็กลง หรือเริ่มร่วงมากผิดปกติ นี่อาจไม่ใช่ “แค่ร่วงตามฤดูกาล” หรือเพราะ ”ความเครียด” อีกต่อไป และหากคุณลองมาหลายวิธี ทั้งเปลี่ยนแชมพู กินอาหารเสริม หรือแม้แต่ยาทาแล้ว “ยังไม่ดีขึ้น” นี่อาจถึงเวลาที่คุณควรพิจารณาการรักษาที่ลึกระดับรากผม
Pure Clinic ขอแนะนำโปรแกรมที่เป็นที่นิยมมากๆ ในหมู่คนไข้ที่เข้ามารักษากับเรา และเห็นผลลัพธ์ที่ดีในการรักษามาหลายเคสแล้ว นั่นคือ PRP + LED Therapy โปรแกรมฟื้นฟูรากผมผสานสองเทคโนโลยีโดยไม่ต้องผ่าตัด
PRP + LED Therapy คืออะไร? ทำไมถึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาผมร่วงจริงจัง
🔬 PRP: ฟื้นรากผมด้วย “เกล็ดเลือดเข้มข้น” ของตัวคุณเอง
PRP (Platelet-Rich Plasma) คือการเจาะเลือดของคุณเองเพียงเล็กน้อย (ประมาณ 20 ซีซี) แล้วนำไป ปั่นด้วยเครื่องแรงเหวี่ยงพิเศษ เพื่อแยกเอาเฉพาะเกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นสูงที่สุดออกมา แล้วฉีดกลับไปบริเวณหนังศีรษะ ภายในเกล็ดเลือดนี้อุดมไปด้วย Growth Factors และสารชีวโมเลกุลอื่นๆ
ประโยชน์หลักของ PRP ต่อหนังศีรษะคือ:
ฟื้นฟูเซลล์รากผมที่อ่อนแอให้กลับมาทำงาน
เพิ่มการไหลเวียนเลือด ทำให้สารอาหารไปเลี้ยงรากผมได้ดี
กระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิดรากผม (Hair Stem Cell)
ยืดวงจรชีวิตของเส้นผม ไม่ให้ร่วงเร็วเกินไป
ลดการอักเสบของหนังศีรษะเรื้อรัง ที่มักเป็นตัวเร่งให้ผมร่วง
กล่าวง่ายๆ คือ PRP ช่วย “คืนชีวิต” ให้กับรากผมที่ยังมีศักยภาพ ก่อนที่มันจะหยุดทำงานถาวร
💡 LED Light Therapy: กระตุ้นการงอกเส้นผมจากภายนอก
LED Light Therapy หรือ “แสงจาก Light-emitting diode” เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานแสงในช่วงคลื่นความถี่ที่เฉพาะเจาะจง เช่น สีแดง (640 นาโนเมตร) เพื่อ:
กระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะ
ลดการอักเสบเรื้อรังในรูขุมขน
กระตุ้นเซลล์รูขุมขนให้ทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น
เสริมพลังงานให้เซลล์รากผม (Mitochondria stimulation) ทำให้เกิดการงอกของเส้นผมใหม่ได้มากขึ้น
มีการศึกษาทางการแพทย์หลายชิ้นที่สนับสนุนว่า แสง LED สีแดง (Red Light Therapy) โดยเฉพาะในช่วงคลื่น 630–660 nm มีประสิทธิภาพในการรักษา “ผมร่วงจากพันธุกรรม” หรือที่เรียกว่า Androgenetic Alopecia ได้จริง โดยช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม และเพิ่มความหนาแน่นของผมอย่างมีนัยสำคัญ
Lanzafame, R. J., Blanche, R. R., Bodian, A. B., Chiacchierini, R. P., Fernandez-Obregon, A., & Kazmirek, E. R. (2013). The growth of human scalp hair mediated by visible red light laser and LED sources in males. Lasers in surgery and medicine, 45(8), 487–495. https://doi.org/10.1002/lsm.22173
Lanzafame, R. J., Blanche, R. R., Chiacchierini, R. P., Kazmirek, E. R., & Sklar, J. A. (2014). The growth of human scalp hair in females using visible red light laser and LED sources. Lasers in surgery and medicine, 46(8), 601–607. https://doi.org/10.1002/lsm.22277
Jimenez, J. J., Wikramanayake, T. C., Bergfeld, W., Hordinsky, M., Hickman, J. G., Hamblin, M. R., & Schachner, L. A. (2014). Efficacy and safety of a low-level laser device in the treatment of male and female pattern hair loss: a multicenter, randomized, sham device-controlled, double-blind study. American journal of clinical dermatology, 15(2), 115–127. https://doi.org/10.1007/s40257-013-0060-6
LED จึงเปรียบเสมือน “ตัวเสริมแรง” ให้การทำ PRP มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยังเหมาะสำหรับคนที่มีหนังศีรษะอ่อนแอ แพ้ง่าย หรือมีการอักเสบเรื้อรังจากแชมพูหรือเคมีตกค้าง
โปรแกรม PRP + LED Therapy เหมาะกับใคร?
คนที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางแบบกระจายตัว หรือเฉพาะจุด
ผู้ชายที่เริ่มบางบริเวณ M หรือกลางกระหม่อม
ผู้หญิงที่ผมเส้นเล็กลงบางลงทั่วศีรษะ
คนที่ผ่านภาวะเครียด ฮอร์โมนเปลี่ยน เจ็บป่วย แล้วผมร่วงตามมา
คนที่ยังไม่อยากผ่าตัดปลูกผม
การรักษาใช้เวลากี่ครั้ง? เห็นผลตอนไหน?
โดยทั่วไปการรักษา PRP ร่วมกับ LED จะใช้เวลา 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมงต่อครั้ง และในช่วงแรกของการรักษา ควรทำ ต่อเนื่องเดือนละอย่างน้อย 1-2 ครั้ง ในช่วง 3-5 ครั้งแรก เพื่อให้รากผมได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ และได้รับการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการตอบสนองของรากผมได้อย่างชัดเจน
✅ เดือนที่ 1: ลดการร่วง ผมเริ่มหยุดร่วงมาก
✅ เดือนที่ 2-3: ผมเส้นใหม่เริ่มขึ้นเล็กๆ
✅ เดือนที่ 4 เป็นต้นไป: ผมหนาขึ้น หนังศีรษะเริ่มดูไม่บาง
เมื่อรากผมได้รับการฟื้นจนดีขึ้น หลังจากนั้นสามารถทำทุก 1-2 เดือนเพื่อคงสภาพรากผมที่แข็งแรง
PRP รักษาผมได้ผลจริงหรือไม่?
คำตอบคือ ได้ผลกับผู้ที่ “รากผมยังมีชีวิต” หากปล่อยไว้นานจนรากผมตายถาวรแล้ว (เช่น ศีรษะมันเงา เรียบ ไม่มีรูขุมขน) การรักษาด้วย PRP อาจจะไม่ได้ผล และอาจต้องพิจารณาวิธีอื่น เช่น ปลูกผม
แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่ารากผมของคุณยังสามารถกระตุ้นได้หรือไม่
ที่ Pure Clinic เราเน้นความจริงใจในการวางแผนการรักษา เพื่อให้คุณไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่ายเกินความจำเป็น
ความเจ็บ ความเสี่ยง และการพักฟื้น
เจ็บไหม? ขณะฉีด PRP อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยจากเข็มฉีดยา แต่แพทย์จะใช้การประคบเย็นก่อนหน้าเพื่อลดความรู้สึกขณะฉีด
พักฟื้นไหม? ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผล ใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที
มีผลข้างเคียงไหม? เนื่องจากใช้เลือดของตัวเอง โอกาสแพ้น้อยมาก อาจมีรอยแดงหรือเจ็บจุดเล็กๆชั่วคราวเท่านั้น
รวม 10 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ PRP (Platelet-Rich Plasma)
1. ใช้เลือดตัวเองทำ PRP แล้วปลอดภัยจริงไหม?
ใช่ค่ะ PRP ใช้เลือดของคุณเองล้วนๆ ไม่มีสารแปลกปลอม เมื่อปั่นแยกเฉพาะเกล็ดเลือดเข้มข้นออกมาแล้วจึงนำกลับมาฉีดเฉพาะจุด
ข้อดี: ไม่มีโอกาสแพ้สารเคมี ไม่เสี่ยงการติดเชื้อข้ามคน เหมาะสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายหรือมีประวัติแพ้ยา
2. ทำ PRP แล้ว “ผมจะขึ้นทุกคนไหม?”
PRP จะได้ผลดีเฉพาะในคนที่รากผมยังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้ปล่อยให้ผมร่วงนานจนรูขุมขนปิดสนิท หากยังมีรูขุมขน PRP มีโอกาสกระตุ้นผมให้ขึ้นใหม่ได้ดีมาก
หากหนังศีรษะมันเรียบ มันวาว หรือไม่มีรูเลย แพทย์อาจพิจารณาวิธีปลูกผมแทน
3. ทำ PRP แล้วต้องกินยาเพิ่มไหม?
โดยทั่วไป ไม่จำเป็นต้องกินยา เพราะ PRP เป็นการกระตุ้นเซลล์จากภายในร่างกายของคุณเองแต่ในบางเคสที่ผมร่วงจากฮอร์โมน แพทย์อาจแนะนำวิตามินบำรุง หรือยาเฉพาะทางควบคู่กัน เพื่อให้ผลลัพธ์ดีและยั่งยืนยิ่งขึ้น
4. ทำ PRP แล้ว “ต้องทำตลอดชีวิต” ไหม?
ไม่ต้องทำตลอดชีวิตค่ะ การรักษา PRP เปรียบเหมือนการ กระตุ้นให้รากผมกลับมาทำงาน หากดูแลดี ไม่ปล่อยให้ร่วงอีก ผลลัพธ์ก็สามารถอยู่ได้นานเป็นปี
แต่ถ้ามีปัจจัยกระตุ้นให้ผมร่วงซ้ำ เช่น ความเครียด ภาวะเจ็บป่วย หรือฮอร์โมนเปลี่ยน อาจต้องกลับมาทำซ้ำเป็นบางช่วงเพื่อรักษาสภาพ
5. มีข้อห้ามอะไรบ้างสำหรับคนที่ไม่ควรทำ PRP?
คนกลุ่มต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ PRP อย่างละเอียด:
คนที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
คนที่มีโรคเลือดบางชนิด เช่น ลูปัส, มะเร็งเม็ดเลือด
คนที่รับยากดภูมิ หรือมีโรคภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ
ผู้หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมลูก (ควรรอหลังคลอด)
6. ทำ PRP แล้วสระผม ออกกำลังกาย ทำสี ย้อมผมได้ไหม?
สระผม: เว้น 24 ชั่วโมงแรกหลังทำ แล้วสามารถสระได้ตามปกติ
ออกกำลังกาย: งดใน 24 ชั่วโมงแรก เพื่อให้เลือดไม่สูบฉีดแรงจนกระทบจุดที่ฉีด
ทำสี / ย้อมผม / ดัด / ยืด: ควรรอ อย่างน้อย 5–7 วัน เพื่อให้หนังศีรษะฟื้นตัวก่อน
7. ถ้าฉีด PRP แล้วไม่ได้ผล จะเกิดอะไรขึ้น?
ถ้ารากผมตอบสนองน้อยหรือไม่ตอบสนองเลย ผลที่เห็นชัดคือ “ไม่มีผมขึ้นใหม่” แต่ก็ ไม่ได้ทำให้ผมร่วงหนักขึ้นหรือหนังศีรษะแย่ลง เพราะ PRP ไม่ทำลายเซลล์รากผม
ข้อดีคือ แพทย์จะประเมินโอกาสตอบสนองเบื้องต้นก่อนรักษาเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงในการเสียเวลาและค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น
8. PRP กับ “ฉีดเซลล์รากผม” หรือ “สเต็มเซลล์” เหมือนกันไหม?
ไม่เหมือนกันค่ะ
PRP คือการใช้เลือดของเราเอง ปั่นแยกเกล็ดเลือด เพื่อกระตุ้นเซลล์รากผม
เซลล์รากผมหรือสเต็มเซลล์ มักเป็นเทคนิคที่มีความซับซ้อนและยังไม่เป็นมาตรฐานในคลินิกทั่วไปในไทย
PRP จึงเป็นวิธีที่ ปลอดภัย ได้ผลในกลุ่มเหมาะสม และมีงานวิจัยสนับสนุนจำนวนมาก
9. ผู้หญิงสามารถทำ PRP ได้ไหม?
ได้แน่นอนค่ะ PRP เหมาะกับผู้หญิงที่ผมร่วงแบบกระจายทั่วศีรษะ หรือร่วงจากฮอร์โมน (เช่น หลังคลอด เครียดมาก พักผ่อนน้อย) ไม่ต้องกลัวหัวล้าน ไม่ต้องรอผมบางชัดก่อน เพราะ ยิ่งรักษาเร็ว ผลลัพธ์ยิ่งดีค่ะ
10. PRP ช่วยให้ผม “เส้นใหญ่ขึ้น” ได้จริงไหม?
สามารถช่วยได้ในบางเคส โดยเฉพาะคนที่มีปัญหา “ผมเส้นเล็กลงจากฮอร์โมน หรือขาดเลือดไปเลี้ยงรากผม”เมื่อรากผมแข็งแรงขึ้นจาก PRP ผมที่ขึ้นใหม่อาจมี เส้นหนาแน่นและใหญ่ขึ้น ทำให้ดูมีวอลุ่มมากขึ้น
สรุป
PRP + ฉายแสง LED คือแนวทางรักษาผมร่วงที่ ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด และเน้นฟื้นฟูจากรากผมโดยตรง เหมาะกับผู้ที่อยากแก้ปัญหาผมบางแบบจริงจัง โดยไม่อยากปลูกผม
หากคุณเริ่มรู้สึกว่า “ผมบางลงกว่าที่เคย” อย่ารอให้สายเกินไป เพราะการรักษาเร็ว = โอกาสกลับมาหนาได้ยังมีค่ะ
📍 Pure Clinic โครงการ Anacade
เปิดบริการ: วันพุธ - อาทิตย์ | 13:00 - 20:00 น.(หยุดวันจันทร์และอังคาร)
📲 ปรึกษาหรือจองคิวล่วงหน้า:
Line: @pureskinclinicbkk โทร: 099-956-4799 / 063-947-4447
ความคิดเห็น